::: แนวทาง การประกอบ อาชีพชาวเรือ :::
โดย.. ศูนย์ฝึกพาณิชย์นาวี การศึกษาของนักเรียนเดินเรือพาณิชย์ มี 2 ฝ่าย คือ ฝ่ายเดินเรือ และฝ่ายช่างกลเรือ- ฝ่ายเดินเรือ (Deck Department) ศึกษาเน้นหนักในสาขาวิชาวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ ภาษาต่างประเทศ การเดินเรือ การเรือ กฎหมายและข้อบังคับระหว่างประเทศ การบรรทุกและการ จัดระวาง อุตุนิยมวิทยา ดาราศาสตร์ อุทกศาสตร์ การสื่อสารสากล การบริหารงานสังคม จิตวิทยาและหลักผู้นำ - ฝ่ายช่างกลเรือ (Engine Department) ศึกษาเน้นหนักในสาขาวิชาวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ ภาษาต่างประเทศ เครื่องยนต์และเครื่องจักรกลเรือ การไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ การต่อเรือและการทรงตัวของเรือ การโรงงานและการบริหารงานสังคม จิตวิทยาและหลักผู้นำ เมื่อสำเร็จการศึกษา ผู้สำเร็จการศึกษาหลักสูตรนักเรียนเดินเรือพาณิชย์ หลักสูตรปกติ 5 ปี ฝ่ายเดินเรือ จะได้รับ : · ประกาศนียบัตรจากศูนย์ฝึกพาณิชย์นาวี · ปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยบูรพา : วิทยาศาสตรบัณฑิต สาขาวิทยาการเดินเรือ · มีสิทธิสมัครสอบเพื่อขอรับประกาศนียบัตรนายประจำเรือฝ่ายเดินเรือของเรือกลเดินทะเล ขนาด 500 ตันกรอสหรือมากกว่า ของกรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวี ฝ่ายช่างกลเรือ จะได้รับ : · ประกาศนียบัตรจากศูนย์ฝึกพาณิชย์นาวี · ปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยบูรพา : วิศวกรรมศาสตรบัณฑิต สาขาวิศวกรรมเครื่องกลเรือ · มีสิทธิสมัครสอบเพื่อขอรับประกาศนียบัตรรองต้นกลของเรือกลเดินทะเลขนาดกำลังขับเคลื่อน 3000 กิโลวัตต์หรือมากกว่า ของกรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวี ผู้สำเร็จการศึกษาหลักสูตรนักเรียนเดินเรือพาณิชย์ หลักสูตรพิเศษ 3 ปี ฝ่ายช่างกลเรือ จะได้รับ : · ประกาศนียบัตรจากศูนย์ฝึกพาณิชย์นาวี · มีสิทธิสมัครสอบเพื่อขอรับประกาศนียบัตรรองต้นกลของเรือกลเดินทะเลขนาดกำลังขับเคลื่อน 3000 กิโลวัตต์หรือมากกว่า ของกรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวี · ขณะนี้ยังไม่ได้รับปริญญาตรี (ปัจจุบันศูนย์ฝึกพาณิชย์นาวีมีข้อตกลงความร่วมมือกับสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา จึงพยายามดำเนินการให้ได้รับปริญญาของสถาบันในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา) ความก้าวหน้าในการทำงาน ฝ่ายเดินเรือ จะทำงานในหน้าที่รับผิดชอบทางด้านการนำเรือไปสู่จุดหมายปลายทางอย่างปลอดภัย การบรรทุก ขนส่ง ขนถ่ายสินค้าครบและตรงต่อเวลา ตำแหน่งสูงสุดคือ กัปตันเรือ ใช้ระยะเวลาประมาณ 5-10 ปี บางคนก็เปลี่ยนตัวเองมาทำงานบนบก (ท่าเรือ, สำนักงาน ตำแหน่งระดับ ผู้บริหารบ้าง) ฝ่ายช่างกลเรือ จะทำงานในหน้าที่รับผิดชอบทางด้านเครื่องยนต์กลไกที่ใช้ขับเคลื่อนภายในเรือทั้งหมด ให้สามารถทำงานทำงานได้ดีจนถึงจุดหมายปลายทางอย่างปลอดภัย ตำแหน่งสูงสุดคือ ต้นกลเรือ ใช้ระยะเวลาประมาณ 5-10 ปี บางคนก็เปลี่ยนตัวเองมาทำงานบนบก (ท่าเรือ, สำนักงาน, อู่ต่อเรือ, อู่ซ่อมเรือ ตำแหน่งระดับผู้บริหารบ้าง) การทำงานในเรือ ปริญญาตรีที่ได้รับ ไม่ใช่สิ่งสำคัญในการกำหนดเงินเดือนและการทำงานบนเรือ ที่สำคัญคือ ประกาศนียบัตรผู้ทำการในเรือ (ชาวเรือเรียกว่า “ตั๋ว”) ซึ่งหลักสูตรการศึกษาที่ศูนย์ฝึกพาณิชย์นาวีเปิดสอน เป็นหลักสูตรมาตรฐานสากลขององค์การทางทะเลระหว่างประเทศ (IMO MODEL COURSE) ประกาศนียบัตรที่ได้รับสามารถทำงานบนเรือได้ทุกประเทศทั่วโลก ถ้าท่านมีความรู้ความสามารถ มีประสบการณ์การทำงาน มีภาษาที่สองหรือสามหรือภาษาสากลที่ดี สิ่งที่ท่านจะได้รับคือค่าตอบแทนที่คุ้มค่าและสูงกว่าอาชีพอื่น ๆ หลายเท่า ดังนั้น คู่แข่งที่แท้จริงคือ ตัวท่านเอง ที่บอกว่าสามารถทำงานได้หรือไม่ คู่แข่งรองลงมาคือ ชาวต่างชาติที่มีภาษาสากลที่ดีกว่า คู่แข่งสุดท้ายคือ คนไทยด้วยกัน หน่วยงานที่พร้อมรับเข้าทำงาน สภาพการทำงานและสภาพแวดล้อมในการประกอบอาชีพชาวเรือ จัดเป็นอาชีพพิเศษเฉพาะอีกอาชีพหนึ่ง ซึ่งเมื่อสำเร็จการศึกษาหลักสูตรนักเรียนเดินเรือพาณิชย์จากศูนย์ฝึกพาณิชย์นาวีและได้รับประกาศนียบัตรจากกรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวีแล้ว ส่วนใหญ่ก็จะประกอบอาชีพในกิจการที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจทางเรือ เช่น หน่วยงานราชการ (ตำแหน่งที่รองรับมีจำนวนจำกัด) กรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวี กรมศุลกากร กรมประมง หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ (ตำแหน่งที่รองรับมีจำนวนจำกัด) การท่าเรือแห่งประเทศไทย การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (ส่วนงานที่เกี่ยวกับเรือ) หน่วยงานบริษัทเอกชน (ตำแหน่งงานที่พร้อมรองรับมีจำนวนมาก) บริษัทเรือต่าง ๆ ทั้งของประเทศไทยและต่างประเทศทั่วโลก (ทำงานในระดับนายประจำเรือ) บริษัทต่าง ๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับการเดินเรือ บริษัทที่เกี่ยวกับแท่นขุดเจาะน้ำมันกลางทะเล, กิจการขุดแร่ในทะเล อู่ต่อเรือและอู่ซ่อมเรือ (ทำงานในระดับนายช่างกล) บริษัทอะไหล่เรือ (ทำงานในระดับวิศวกร) รายได้และสวัสดิการ (เมื่อสำเร็จการศึกษา) รายได้ของคนประจำเรือ เมื่อเทียบกับคนทำงานบนบกที่มีความรู้เท่าเทียมกัน จะมีรายได้สูงกว่าอย่างน้อยสองถึงสามเท่า (20,000 – 40,000 บาท เมื่อเริ่มต้นทำงานครั้งแรก) ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับสายการเดินเรือ โดยแบ่งเป็น 2 ลักษณะใหญ่ ๆ คือ - สายนอก หมายถึง สายการเดินเรือของบริษัทนั้นเดินทางรับส่งสินค้าต่าง ๆ ทั่วโลกไปประเทศต่าง ๆ โดยไม่แวะเข้าเทียบท่าที่ประเทศไทย เช่น เดินทางระหว่างญี่ปุ่น-อเมริกา , แอฟริกา-ตะวันออกกลาง–ยุโรป เป็นต้น สำหรับระยะการทำงานของแต่ละคนนั้น ขึ้นอยู่กับสัญญาครั้งแรกที่เข้าทำงานระหว่างบริษัทเรือกับพนักงาน ชาวเรือส่วนใหญ่เรียกว่า Contract (คอน-ทแร็คท) ระยะเวลาหนึ่ง Contract ไม่เท่ากัน อาจจะเป็น 6 เดือน, 8 เดือน, 12 เดือน หรือมากกว่าหนึ่งปี เมื่อหมด Contract แล้ว สามารถพักผ่อนได้ประมาณ 1-2 เดือน ในช่วงพักผ่อนนี้สามารถเปลี่ยนบริษัทเรือ หรืออบรมหลักสูตรพิเศษเพื่อเพิ่มวิทยฐานะของตัวเอง หรือกลับเข้าไปทำงานที่เดิมได้ ข้อเสียของสายนอกคือ ไปทำงานเป็นระยะเวลานาน ๆ ห่างไกลครอบครัว เมื่อหมดสัญญาหรือหมด Contract แล้วถึงจะได้กลับบ้านมาหาครอบครัว ข้อดีของสายนอกคือ ค่าตอบแทนสูง โอกาสสร้างฐานะความเป็นอยู่ของครอบครัวเร็ว ได้ท่องเที่ยวและพบเห็นสิ่งใหม่ ๆ ของประเทศต่าง ๆ - สายใน หมายถึง สายการเดินเรือของบริษัทนั้นเดินทางรับส่งสินค้าต่าง ๆ ไปประเทศในแถบใกล้เคียง และจะต้องแวะเข้าเทียบท่าที่ประเทศไทยอยู่เป็นประจำ เช่น ไทย-สิงคโปร์ , ไทย-ฮ่องกง เป็นต้น สำหรับระยะการทำงานของแต่ละคนนั้น ขึ้นอยู่กับสัญญาครั้งแรกที่เข้าทำงานระหว่างบริษัทเรือกับพนักงาน ชาวเรือส่วนใหญ่เรียกว่า Contract เหมือนกับสายนอก ข้อเสียของสายในคือ ค่าตอบแทนต่ำกว่าสายนอก ข้อดีของสายในคือ มีโอกาสอยู่ครอบครัวมากกว่าสายนอก สำหรับสวัสดิการของชาวเรือ มีความจำเป็นต้องดี ทั้งนี้เพื่อชดเชยกับสภาวะการทำงานที่ต้องจากบ้านเป็นเวลานาน ทนต่อการตรากตรำในทะเล และต้องพบแรงกดดันจากวัฒนธรรมต่าง ๆ ภายในเรือ ซึ่งคนทำงานในเรือไม่ใช่มีเฉพาะคนไทย เรือลำหนึ่งอาจต้องมีชาวเรือที่เป็นคนอินเดีย ,พม่า, ฟิลิปปินส์, จีน อื่น ๆ อีกมากมาย การกินอยู่ต่างกัน ภาษาต่างกัน ดังนั้นภาษาที่จะต้องสื่อสารในการทำงานพื้นฐานคือภาษาอังกฤษ ดังนั้นคนเรือที่มีความสามารถด้านภาษาอังกฤษดีย่อมมีค่าตอบแทนการทำงานดีกว่าคนที่พูดได้บ้าง เขียนได้นิดหน่อย นอกเหนือจากที่ขึ้นอยู่กับความรู้ความสามารถและประสบการณ์การทำงาน ข้อคิดก่อนตัดสินใจเลือกอาชีพชาวเรือ (ฝากถึงชาวเรือทุกท่าน) อาชีพคนประจำเรือหรือชาวเรือ เป็นสายงานอาชีพเฉพาะที่มีความพิเศษ สถานที่ประกอบอาชีพส่วนใหญ่ จะอยู่ห่างไกลจากสายตาคนทั่วไป ดังนั้นคนส่วนมากจึงไม่ค่อยจะมีความรู้และความเข้าใจลักษณะการทำงานของชาวเรือ เพราะจะคุ้นเคยกับการทำงานหรือใช้ชีวิตบนบกมากกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งสังคมไทยมีความผูกพันกับครอบครัวมาก การเดินทางบ่อย ๆ แต่ละครั้งเป็นเวลานาน อาจจะทำให้เกิดความว้าเหว่และวิตกกังวลได้ง่าย ดังนั้นผู้ทำงานในเรือเป็นเวลานาน ๆ จึงต้องมีความอดทนสูง ทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจ เพราะการทำงานในเรือมีอุปสรรคมากมาย ไม่ว่าจะเป็นคลื่นลมทะเล ความจำเจ วัฒนธรรมสังคมและภาษาที่หลากหลาย ระดับความรู้ความสามารถของคนประจำเรือที่ต่างกัน ส่วนหนึ่งที่ทำให้วงการคนประจำเรือยังขาดแคลนบุคลากรอยู่มากคือ เมื่อทำงานไปสักระยะหนึ่งก็จะผันตัวเองไปทำงานอื่น ๆ ที่อยู่ใกล้ครอบครัว ค่าตอบแทนไม่มาก ทำให้คนประจำเรือหรือชาวเรือยังมีความต้องการอีกมาก ถ้าไม่เลือกงานจนเกินไป ดังนั้น สิ่งที่ควรนำมาพิจารณาก่อนตัดสินใจเลือกอาชีพชาวเรือคือ 1. การเมาคลื่น ถือเป็นเรื่องปกติสำหรับบางคนที่ลงเรือครั้งแรก ๆ แต่ก็มีทางหายหรือคุ้นเคยได้ ถ้ามีความอดทนเพียงพอและมีกำลังใจในการต่อสู้เพื่อความเป็นชาวเรือ 2. ภัยอันตราย การคมนาคมทางน้ำจะมีความปลอดภัยค่อนข้างสูงเมื่อเปรียบเทียบกับการคมนาคมทางอื่น อันตรายแทบจะเกิดขึ้นไม่ได้เลยถ้าไม่เกิดจากความประมาทเลินเล่อ ในขณะปฏิบัติงานเป็นส่วนใหญ่ ทั้งนี้ เพราะเรือในปัจจุบันมีขนาดใหญ่ มีเทคโนโลยีก้าวหน้าจึงทำให้มีความปลอดภัยสูง นอกจากนี้ องค์การทางทะเลระหว่างประเทศ ได้กำหนดมาตรการต่าง ๆ มาควบคุมดูแลด้านความปลอดภัยภายใต้อนุสัญญาต่าง ๆ หลายฉบับ รวมไปถึงมาตรฐานการฝึกอบรมชาวเรือด้วย ซึ่งทั่วโลกจะใช้เป็นมาตรฐานเดียวกัน จึงทำให้มีความเชื่อมั่นได้ในด้านความปลอดภัย 3. ความรู้สึกว้าเหว่ เป็นความรู้สึกที่มีอิทธิพลค่อนข้างสูงสำหรับสังคมไทยซึ่งจะมีความผูกพันกับครอบครัวมาก แต่เมื่อพิจารณาถึงรายได้ที่สูงกว่าอาชีพบนบกในแต่ละระดับเดียวกันประมาณ 2-3 เท่า และการที่มีโอกาสไปเยือนดินแดนของประเทศต่าง ๆ ตามเส้นทางที่เรือแวะเข้าจอดเทียบท่า ทำให้ได้เห็นโลกกว้างอันสวยงาม จึงเป็นอาชีพที่ท้าทาย การเริ่มต้นทำงานตั้งแต่อายุยังน้อย และไม่ใช้จ่ายฟุ่มเฟือยจนเกินไป จะสามารถมีเงินเหลือมากพอที่จะตั้งตัวได้ในระยะเวลาอันสั้น หลังจากนั้นอาจเปลี่ยนไปประกอบอาชีพอื่นที่ชอบหรือมีความต้องการได้ 
|